darthscreencapture.com


ปาโบล เซซาร์ ไอมาร์ จิออดาโน ลืมตาดูโลกเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 1979 ที่ริโอ กัวร์โต ประเทศอาร์เจนติน่า ตำแหน่งที่เล่นคือ มิดฟิลด์ตัวรุก

ในยุคต้นๆ ปี 2000 เชื่อว่าแฟนบอลน้อยคนนักที่จะไม่รู้จักชายที่ชื่อ ปาโบล ไอมาร์ ที่กำลังโดดเด่นเหลือเกินภายใต้สีเสื้อ บาเลนเซีย ซึ่งเพียงแค่ฤดูกาลแรกกับต้นสังกัดแม้ ค้างคาวจะจบได้เพียงอันดับ 5 ในศึก ลา ลีกา แต่ทีมกลับทะลุไปถึงรอบชิงชนะเลิศในรายการยูฟ่า ชปล. แม้จะพลาดแชมป์จากการพ่ายในช่วงดวลลูกโทษต่อ เสือใต้ บาเยิร์น มิวนิค แต่นั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเถลิงบัลลังก์แชมป์ ลา ลีกา ในรอบ 30 ปี ภายใต้ยุค ราฟาเอล เบนิเตส ในปีถัดมา

สมัยยังเป็นเด็ก ปาโบล ไอมาร์ ไม่ได้รับการสนับสนุนจากผู้เป็นพ่อในการเลือกเส้นทางสายลูกหนัง ความหวังของผู้เป็นพ่ออยากให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนมุ่งมั่นกับการเรียนให้เต็มที่โดยมีความคาดหวังที่จะผลักดันเขาในอนาคตกับการเป็นนายแพทย์เสียมากกว่า

ริคาร์โด้ ไอมาร์ พูดกับลูกชายของตนว่า ลูกยังเด็กเกินกว่าที่จะยึดการเล่นฟุตบอลเป็นอาชีพ และยังเร็วเกินไปสำหรับการต้องย้ายออกจากบ้าน สิ่งที่ลูกควรใส่ใจในตอนนี้คือการเรียน ทว่า ปาโบล ไอมาร์ ยังคงไม่ลดละความพยายามและยังคงมุ่งมั่นกับสิ่งที่เขารักสุดหัวใจนั่นก็คือฟุตบอล และในที่สุดความใฝ่ฝันของเขาก็ไม่หยุดอยู่เพียงแค่ความต้องการของผู้พ่อ เมื่อ ริคาร์โด้ ไอมาร์ จำใจต้องยอมให้ ปาโบล เดินทางเข้าสู่วงการลูกหนัง หลังปาโบล ไอมาร์ ได้เข้าร่วมฝึกซ้อมกับทีมเยาวชนริเวอร์เพลทเพียง 2 ครั้ง แต่กลับได้รับคำยืนยันความต้องการจาก ดาเนี่ยล พาส.เรลล่า กุนซือของทีม ที่จะคว้าเจ้าหนูรายนี้เข้าศูนย์ฝึกเยาวชนเสียให้ได้

ปาโบล ไอมาร์ ได้ฉายแววเชิงลูกหนังตั้งแต่บัดนั้นซึ่งแตกต่างจากเด็กรุ่นราวคราวเดียวที่เน้นสปีดและเล่นด้วยความมุทะลุดุดันแต่เด็กคนนี้กลับเต็มไปด้วยทักษะในการครองบอล พร้อมกับคุมจังหวะเกมด้วยมันสมองอย่างมีจินตนาการ จึงไม่แปลกที่ในเวลานั้น ปาโบล ไอมาร์ จะกลายเป็นที่พูดถึงของคนในแวดวงก่อนวัย 16 ปี และกลายเป็นสมบัติล้ำค่าของริเวอร์เพลทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เมื่อปี 1997 เส้นทางในนามทีมชาติ ปาโบล ไอมาร์ ถือเป็นหนึ่งในแข้งชุดเยาวชนของ อาร์เจนตินา ที่คว้าแชมป์ ฟีฟ่า เวิลด์ ยูธ แชมเปี้ยนส์ชิพ ซึ่งมีเพื่อนร่วมรุ่นที่เป็นแข้งชื่อดังอย่าง เอสเตบัน กัมบิอัสโซ่ และ ฮวน โรมัน ริเคลเม่ ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เจ้าตัวได้รับความสนใจจากบรรดาทีมชั้นนำในยุโรปทั้งจาก อิตาลี, อังกฤษ และสเปน

ราชันชุดขาว ทีมมหาอำนาจลูกหนังจากสเปนได้แสดงความสนใจอยากได้ตัว ปาโบล ไอมาร์ มาร่วมทัพก็เพื่อสร้างทีมที่เต็มไปด้วยยอดแข้ง แต่ในที่สุดพวกเขาก็เลือกที่จะไปเล่นของที่ใหญ่กว่าด้วยการทุ่มคว้าตัว ซีเนอดีน ซีดาน มาจาก ม้าลาย ยูเวนตุส ซึ่งเป็นสถิติโลกในขณะนั้น

เมื่อปี 2001 ปาโบล ไอมาร์ ไปอยู่กับทีมไฟแรงในยุคนั้นอย่าง บาเลนเซีย เจ้าตัวเข้ามาผนึกกำลังร่วมกับแข้งมากคุณภาพอย่าง เซนเต้, กาอิซก้า เมนดิเอต้า, วิ ซลัทโก้ ซาโฮวิช และกองหน้าอย่าง อาเดรียน อิลี กับ ยอห์น คาริว ซึ่งการมาของแข้งมากพรสวรรค์รายนี้นั่นเปรียบเสมือนการเติมเต็มส่วนที่ขาดหายในทีมของ เอคเตอร์ คูเปร์ ในทันที

หนึ่งปีผ่านไป ปาโบล ไอมาร์ ที่อยู่ภายใต้การดูแลของกุนซือจอมแท็คติกอย่าง ราฟาเอล เบนิเตซ ยังคงทำผลงานในสนามได้เป็นอย่างดีมิหนำซ้ำยังค่อยๆ ฉายแววเวิลด์คลาสขึ้นเรื่อยๆ แม้จะไม่โดดเด่นนักเรื่องการยิงประตู แต่ ปาโบล ไอมาร์ ก็นับเป็นกุญแจสำคัญที่พา บาเลนเซีย คว้าแชมป์ลีกมาครองได้ถึงสองสมัย แถมด้วยแชมป์ ยูฟ่า คัพ อีกหนึ่งครั้ง

ในช่วงที่ บาเลนเซีย ไขว่คว้าความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ปาโบล ไอมาร์ มักมีอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่บ่อยครั้ง แต่เจ้าตัวก็ยังเป็นแข้งขวัญใจของแฟนบอลที่ต่างรอเขากลับมาลงสนาม และไม่ใช่แค่นั้นตำนานนักเตะ ฟ้า-ขาว ผู้ที่เขาถูกนำไปเปรียบเทียบอย่าง ดิเอโก้ มาราโดน่า ยังเคยออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ปาโบล ไอมาร์ คือนักเตะเพียงคนเดียวที่เขายอมควักเงินจากกระเป๋าเพื่อเข้ามานั่งดูเขาเล่นฟุตบอล

จุดเปลี่ยนชีวิตของปาโบล ไอมาร์ นอกจากปัญหาอาการบาดเจ็บที่คอยรบกวนคือการที่ ปาโบล ไอมาร์ ไม่สามารถงัดเอาประสิทธิภาพในการสร้างสรรค์เกมออกมาได้อย่างที่เคย นับตั้งแต่ที่ ราฟาเอล เบนิเตซ ออกไปรับงานหงส์แดงหลังจบฤดูกาล 2003/04 และเป็น เคลาดิโอ รานิเอรี เข้ามาแทนที่ ทำให้สองฤดูกาลหลังจากนั้น ปาโดบล ไอมาร์ ได้ตัดสินใจออกจากทีมไปอยู่ เรอัล ซาราโกซ่า

ในฤดูกาลต่อมาผลงานของ เรอัล ซาราโกซ่า แตกต่างจากฤดูกาลก่อนชนิดฟ้ากับเหว และด้วยวิกฤตทางการเงินทำให้เจ้าตัวถูกขายไปอยู่กับ เบนฟิก้า ทีมยักษ์ใหญ่ในโปรตุเกสที่กำลังหาตัวแทน รุย คอสต้า ตำนานยอดเพลย์เกอร์วัยเก๋าที่เพิ่งประกาศเลิกเตะฟุตบอลในปี 2008 ซึ่งนับว่าเจ้าตัวมีช่วงเวลาที่ดีเลยทีเดียวตลอด 5 ปีกับทีมยักษ์ใหญ่โปรตุเกส

ปาโบล ไอมาร์ ได้ตัดสินใจย้ายไปอยู่กับ ยะโฮร์ ดารุล ในมาเลเซีย เนื่องจากสภาพร่างการที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก แต่ก็ด้วยเวลาอันสั้น เขาลงเล่นเพียง 8 นัด ยิงได้ 2 ประตู ก่อนจะกลับไปยังอาร์เจนตินาบ้านเกิดและร่วมฝึกซ้อมกับ ริเวอร์เพลท เพื่อหวังต้องการเซ็นสัญญากลับมาเป็นนักเตะอีกครั้ง แต่ด้วยอาการบาดเจ็บทำให้เจ้าตัวทำได้เพียงเล่นเกมเกียรติยศที่สโมสรบ้านเกิดจัดขึ้นเป็นการอำลาในปี 2015

เมสซี่ สตาร์เบอร์หนึ่งของโลกและอาเจนติน่าคนปัจจุบัน ได้กล่าวถึง ปาโบล ไอมาร์ ว่า เขาคือไอดอลของผม ผมชอบดูเขาเล่นฟุตบอลมากจริงๆ และผมก็ได้ติดตามเขามาตั้งแต่สมัยที่เขาเป็นดาวรุ่งอยู่กับริเวอร์เพลท

แม้เขาจะไม่สามารถก้าวขึ้นมาเป็นแข้งสตาร์ดังแห่งยุคเหมือนแข้งรายอื่นๆจากปัญหาอาการบาดเจ็บ แต่นั่นก็เพียงพอแล้วที่อย่างน้อยเขาได้จุดประกายให้แข้งรุ่นหลังก้าวขึ้นมาเป็นยอดนักเตะอย่างรุ่นน้องผู้นี้