ที่จริงแล้วนี่ไม่ใช่ครั้งแรกในสัปดาห์นี้ที่เกิดเรื่องแบบนี้ เพราะในเกมบิ๊กแมตช์ที่ หงส์แดง บุกไปชนะ ไอ้ปืนใหญ่ 2-0 เมื่อวันพุธที่ 16 มี.ค ที่ผ่านมา ก็มีคนใส่เสื้อที่มีประโยค Just Stop Oil (หยุดหาน้ำมันสักที) ลงไปมัดตัวเองให้ติดกับเสาเช่นกัน ซึ่งมันก็ทำให้เกิดการตั้งประเด็นกันว่าหลังจากนี้อาจจะมีคนทำแบบนี้ในสนามฟุตบอลอีก ในขณะเดียวกันบางคนก็สงสัยว่าพวกเขาทำอย่างนั้นไปเพื่ออะไรกัน
Just Stop Oil (หยุดหาน้ำมันสักที) เป็นการรณรงค์ที่บางคนของสหราชอาณาจักรตัดสินใจที่จะมีส่วนร่วมกับมันเมื่อช่วงหลายวันที่ผ่านมา โดยคนที่เป็นหัวโจกในเรื่องนี้คือ โรเจอร์ ฮัลแลม นักเคลื่อนไหวทางสังคมซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง เอ็กซ์ติงชั่น รีเบลเลี่ยน กลุ่มที่อ้างว่าเคลื่อนไหวเพื่อสิ่งแวดล้อม แถมเขายังมีบทบาทสำคัญในกลุ่มรณรงค์ที่ชื่อ อินซูเลท บริเทน อันเป็นกลุ่มที่เรียกร้องให้รัฐบาลของสหราชอาณาจักรให้คำมั่นสัญญาว่าจะหาเงินทุนมาช่วยเรื่องที่พักให้กับคนสหราชอาณาจักรในรูปแบบที่เหมาะสมด้วย
นอกเหนือจากชัยชนะที่ ท็อฟฟี่สีน้ำเงิน ได้มาอย่างยากลำบากพอตัวในการทุบ สาลิกาดง 1-0 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 17 มี.ค ที่ผ่านมานั้น อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นประเด็นให้คนพูดถึงกันพอตัวก็คือการที่มีชายคนหนึ่งลงไปผูกตัวเองติดกับเสาประตูในช่วงไม่นานหลังจากพักครึ่งไปแล้ว จนทำให้เกมกลับมาเตะกันช้ากว่าปกติ
ชายรายดังกล่าวใส่เสื้อที่มีคำว่า Just Stop Oil ด้วย ซึ่งหากแปลเป็นภาษาไทยก็จะได้ประมาณว่า หยุดหาน้ำมันสักที โดยทางเจ้าหน้าที่สนามก็ต้องรีบเข้ามาเอาชายคนนั้นออกจากเสา ก่อนที่จะอุ้มเขาออกไปจากสนามท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความแปลกใจของแฟนบอลทั้งใน กูดิสัน พาร์ค และหน้าจอโทรทัศน์ โดยมันใช้เวลาไปราว 8 นาทีกว่าที่ทุกอย่างจะกลับมาอยู่ในสภาพปกติ
เมื่อช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา ฮัลแลม กล่าวระหว่างไปพบปะกับนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยในนครกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์ ว่าพวกเขาต้องก้าวขึ้นมาปฏิวัติสถานการณ์ในตอนนี้เพื่อที่จะได้ไม่เกิดภัยพิบัติในด้านสิ่งแวดล้อม หลังจาก ฮัลแลม มองว่าที่ผ่านมารัฐบาลของสหราชอาณาจักรกำลังขยายพื้นที่ผลิตน้ำมันในทะเลเหนือ ซึ่งจะส่งผลเสียต่อสภาพแวดล้อมอย่างมาก นั่นจึงเป็นที่มาของแคมเปญที่ชื่อว่า Just Stop Oil (หยุดหาน้ำมันสักที)
รัฐบาลของเรากำลังทรยศเราด้วยการออกทุนสำหรับการหาพื้นที่น้ำมันแห่งใหม่ในทะเลเหนือ การทำอย่างนั้นมันเป็นการทำลายอนาคตของลูกๆ ของเราไปในตัว มันหมายถึงสงครามบนเกาะเล็กๆ รวมทั้งยังหมายถึงการทำให้พื้นที่ที่ยากจนต่างๆ ต้องเจอกับความยากลำบากด้วย มันถึงเวลาที่ต้อง หยุดหาน้ำมัน ได้แล้ว มันไม่จำเป็นต้องคิดมากเลย นั่นคือถ้อยแถลงส่วนหนึ่งของกลุ่ม Just Stop Oil (หยุดหาน้ำมันสักที)
สำหรับโครงการนี้นั้น มุ่งเน้นไปที่การให้เยาวชนมาเป็นผู้นำในการประท้วง ซึ่งมันก็มีเยาวชนที่เห็นดีเห็นงามด้วยเป็นจำนวนมากจนว่ากันว่ามีคนร่วมลงชื่อเป็นส่วนหนึ่งในแคมเปญนี้เป็นจำนวนหลายร้อยคนด้วยกัน หนึ่งในตัวอย่างที่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนั้นก็คือคนที่ลงไปผูกตัวเองกับเสาในเกมที่ กูดิสัน พาร์ค นั้น เพิ่งมีอายุเพียง 21 ปี
Just Stop Oil (หยุดหาน้ำมันสักที) กล่าวผ่านแอคเคาท์ทวิตเตอร์ของตัวเองว่า เมื่อช่วงค่ำของวันนี้ หลุยส์ วัย 21 ปี ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนการรณรงค์ Just Stop Oil (หยุดหาน้ำมันสักที) ได้ไปผูกตัวเองกับเสาของ กูดิสัน พาร์ค โดยที่สวมเสื้อยืดลาย Just Stop Oil (หยุดหาน้ำมันสักที) เอาไว้ด้วย ทำให้กรรมการต้องหยุดการแข่งขันเป็นการชั่วคราว
หลังจากถูกถามว่าทำไมถึงทำแบบนั้น หลุยส์ ตอบว่า นี่มันปี 2022 แล้วนะ มันถึงเวลาที่ต้องลุกขึ้นมาเพื่อทำการเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่อยู่เฉยๆ มันถึงเวลาที่ต้องทำให้เรื่องพวกนี้เป็นเหมือนวาระเร่งด่วนสักที รายงานหลายรายงานบอกว่าอนาคตของผมจะย่ำแย่ แต่รัฐบาลของผมกลับบอกว่าอย่าได้วิตกกังวลอะไรทั้งนั้น พร้อมกับจ่ายแค่ค่าบำนาญ แต่เรามีทางเลือก เราสามารถเลือกที่จะให้ความสำคัญกับเรื่องที่ว่าสภาพอากาศของเรากำลังเลวร้ายอยู่ได้ เราสามารถเลือกที่จะต่อต้านรัฐบาลนี้ที่กำลังหักหลังเราอยู่ได้ เราสามารถเลือกที่จะยืนหยัดสู้และไม่ทำตัวนิ่งเฉยได้
ย้อนกลับไปยังคนที่ผูกตัวเองกับเสาที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม โดยคนที่ทำอย่างนั้นมีชื่อว่า ไค ซึ่งไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเขามีอายุเท่าไหร่ แต่หลังจากก่อเหตุไปแล้วเขาก็โพสต์ลงบนโลกออนไลน์ว่า โทษทีที่ต้องขัดจังหวะเกมของพวกคุณ แต่มันไม่มีใครฟังเราเลยนอกจากว่าเราจะทำเรื่องบ้าๆ พรรค์นี้ เกมฟุตบอลที่งดงามนี้จะได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่เลวร้ายลงในอีกหลายปีต่อจากนี้ เหมือนกับที่ชีวิตของพวกคุณจะได้รับผลกระทบจากมันนั่นแหละ
ด้วยความที่มันเกิดการประท้วงแบบนี้ในเกม พรีเมียร์ลีก 2 วันติดต่อกัน ทำให้มันมีโอกาสสูงที่จะเกิดเรื่องแบบนี้ในสนามขึ้นอีก ซึ่งหากเป็นจริงก็ต้องรอดูว่ามันจะทำให้เกิดความวุ่นวายมากน้อยเพียงใด